ตอน “ไทม์แมชชีน”
“ไทม์แมชชีน”
หรือเครื่องข้ามกาลเวลาคุณคงเคยได้เห็นหรือได้อ่านผ่านตาบ้างโดยเฉพาะในนิยายอย่าง “เจาะเวลาหาจิ๋นซีของจีน
หรือทวิภพของไทย” ความตรึงตราที่ได้ข้ามไปสู่อดีตอันไกลโพ้นและได้มีส่วนร่วมแก้ไขประวัติศาสตร์ช่างสนุกและเร้าใจ
สำหรับบางท่านเครื่องข้ามกาลเวลาเป็นแค่สิ่งเพ้อฝัน แต่ในความจริงเรามีเครื่องข้ามกาลเวลาใช้กันอยู่ทุกวันนะครับ
สิ่งนั้นคือ ปฏิทิน นี่เอง
แม้ว่าปฏิทินจะไม่สามารถพาเราเหาะเหินข้ามกาลเวลาไปสู่อดีตได้หรือไปเห็นอนาคตได้อย่างที่ในภาพยนตร์หรือนิยาย
แต่ปฏิทินก็จะช่วยให้คุณจดจำภาพในอดีตผ่านตัวเลขวันเดือนปีได้อย่างชัดเจน
ผู้เชี่ยวชาญบางท่านสามารถมองเห็นอนาคตจากตัวเลขเหล่านี้ด้วยโหราศาสตร์ ประเทศที่มีความเก่าแก่อย่างประเทศจีน
ปฏิทินแทบจะเป็นหัวใจของอารยธรรมที่มีความสำคัญมากตั้งแต่สูงสุดอย่างองค์จักรพรรดิจนไประดับประชาชนคนสามัญ
ปฏิทินมีความเป็นมาอย่างไรผมจะนำท่านเยี่ยมชมเรื่องราวกันนะครับ นักประวัติศาสตร์พบว่าปฏิทินชุดแรกๆถูกสร้างมามากว่าหนึ่งหมื่นสองพันเจ็ดร้อยปีก่อนและยังได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
สมัยนั้นยังเป็นยุคหินใหม่ยังใช้ขวานหินและเครื่องกระเบื้องในการดำรงชีพกันอยู่แต่มีปฏิทินใช้กันแล้วครับ
ที่น่าสนใจก็คือยุคหินใหม่ยาวนานคอบคลุมถึงยุห้าจักรพรรดิโบราณผู้มีคุณูปการของจีน
ปฏิทินได้รับการพัฒนามาเรื่อยๆจนดูมีมาตรฐานให้นักประวัติศาสตร์สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง
(商朝) ราชวงศ์นี้ปกครองประเทศจีนเมื่อ 4000 ปีที่แล้ว
มีเทวะตำนานเรื่อง “ห้องสิน”เกี่ยวพันกันอยู่เป็นยุคที่เทพและมนุษย์ยังอยู่ใกล้ชิดกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างสวรรค์กับมนุษย์เชื่อมกันด้วยความเป็นไปของดินฟ้าอากาศ ปฏิทินจึงเป็นเครื่องมือที่คนโบราณอ่านเรื่องราวที่สวรรค์แจ้งแก่ตน
จากหลักฐานพบว่าในยุคช่วงราชวงศ์ซางได้ปรับปรุงปฏิทินโดยเน้นการจดบันทึกความเป็นไปของพระจันทร์เช่นการเคลื่อนไหวแบบข้างขึ้นข้างแรมเพื่อกำหนดเดือน และยังกำหนดให้หนึ่งปีมี 365 วัน เราจึงเรียกปฏิทินแบบนี้ว่า ปฏิทินแบบ “จันทรคติ” ในหนึ่งเดือนจะมีวันประมาณ 29 หรือ 30 วัน แปดร้อยปีต่อมาสู่ยุคเจียงก๊ก (战国时代) จึงเริ่มมีการใช้ 24 ฤดูกาล (二十四節氣) เข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเป็นรากฐานของปฏิทินทางโหราศาสตร์จีน
ฤดูกาลแค่สามฤดูแบบไทยหรือสี่ฤดูอย่างสากลปรกติไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้น
ด้วยความละเอียดของคนจีนที่ต้องการการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
จึงต้องการทราบอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเดือนเพื่อกำหนดการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีของธรรมชาติ

ปรากฏว่าวิธีการจัดวันให้เท่าๆกันแบบ “เพ๊งขี่ (平氣)” ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของดวงอาทิตย์
ทำให้รู้ว่าการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ไม่คงที่
นักปราชญ์ทั้งหลายจึงเปลี่ยนไปใช้เส้นสุริยวิถี(เส้นที่พระอาทิตย์เดินบนฟ้าโดยสังเกตจากพื้นโลก) และทำการแบ่งออกเป็น
24 ส่วนเท่าๆกันได้ส่วนละ
15 องศาเมื่อเรานำ 24 ส่วนคูณด้วย 15 องศาเราจะพบว่าได้ทั้ง
360 องศาพอดี การคำนวณดังกล่าวทำให้เกิดปฏิทินแบบ “เตงขี่ (定氣)” กว่าจะมีการเปลี่ยนมาใช้ปฏิทินแบบนี้ก็ต้องรอจนเข้าสู่ราชวงศ์เช็ง(大清) ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ปฏิทินชุดนี้มีตรงกับความเป็นจริงมากกว่าเดิม
ในยุคที่ยังใช้ “เพ๊งขี่ (平气)” อยู่นั้นเดือนแบบจันทรคติจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ราวๆ
29 วันเกินครึ่งนิดๆ
จึงมีปัญหาหาเรื่องการขึ้นเดือนใหม่อยู่เสมอๆ ครั้นจะใช้หนึ่งเดือนมี 29 วันครึ่งเมื่อคำนวณแล้วหนึ่งปีจะมีวันเพียง
354 วันเท่านั้น เพื่อทำให้ในแต่ละเดือนตรงกับความเป็นจริงมากที่สุดจึงเกิดการเพิ่มเดือนขึ้นเพื่อให้ปฏิทินสอดคล้องกับการเคลื่อนที่ของพระจันทร์นั่นเอง
แก้ไขที่เป็นระยะเวลานานสองเดือนจะถูกเพิ่มลงในปฏิทินที่จะนำมาจุดเริ่มต้นของเดือนกลับไปที่ดวงจันทร์ใหม่
แนวความคิดที่ก้าวกระโดดนี้ทำให้ในแต่ละเดือนจะตรงกับลำดับข้างขึ้นข้างแรมได้อย่างสมบูรณ์ เดือนพิเศษที่ถูกเพิ่มขึ้นมานี้ในไทยเราเรียกว่า
อธิกวาร โดยมีเป้าหมายหลักให้ ศรีษมายัน 夏至 เหมายัน 冬至 และ วิษุวัต (分) สอดคล้องกับฤดูกาลให้มากที่สุด
สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (พ.ศ. 563- 763) มีนักปราชญ์ที่เก่งเรื่องดาราศาสตร์ได้ข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของดวงจันทร์บนท้องฟ้า
กับลักษณะที่ในอดีตกำหนดไว้ไม่สอดคล้องกัน แต่บางท่านก็ยังเลือกที่จะใช้เขาก็ยังคงใช้วิธีการ
“เพ๊งขี่ (平气)” ต่อไป
ถ้าหากคุณถามว่าการเรียนรู้ 24 ฤดูกาลมีประโยชน์อย่างไรกับเราในยุคหลายร้อยปีให้หลัง
คำตอบมีมากเลยครับเพราะสามารถทำให้เรากะสภาพดินฟ้าอากาศที่จะเกิดขึ้นได้ง่าย
รายละเอียดมีดังนี้นะครับ
1 ลิบชุน 立 春 มักอยู่ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์
ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มผลิใบ
2 อู๋จุ้ย 雨 水 มักอยู่ในช่วงกลางค่อนปลายเดือนกุมภาพันธ์ช่วงนี้จะมีฝนหลงฤดู
3 เก๋งเต็ก 惊 蛰 แมลงออกจากการจำศีล
เพราะฉะนั้นเกษตรกรหรือคนที่รักสวนดอกไม้ควรเริ่มหาวิธีป้องกัน
4 ชุนฮุน 春 分 วันนี้กลางวันและกลางคืนจะยาวนานเท่ากัน
5 เช็งเม้ง 清 明 มักเกิดพายุฟ้าคะนองแต่ไม่มีฝนแม้มีก็จะน้อย
6 ก๊อกฮู๊ 谷 雨 ฝนต้นฤดูกำลังมาเริ่มต้นการเพาะปลูกข้าวนาปี
นาปี คือนาข้าวที่ทำในระหว่างเดือนเมษายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นฤดูการทำนาปรกติ
พันธุ์ข้าวนาปีจะออกดอกตามวันและเดือนที่ค่อนข้างตายตัว ไม่ว่าจะตกกล้าในเดือนเมษายน
พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม หรือสิงหาคม เมื่อถึงวันที่จะออกดอกก็ออกพร้อมกันหมด เนื่องจากช่วงของแสงต่อวันบังคับ
ตามปรกติจะแบ่งวันหนึ่งออกเป็น กลางวัน ๑๒ ชั่วโมง กลางคืน ๑๒ ชั่วโมง แต่เนื่องจากการหมุนรอบตัวเองของโลก
จึงทำให้แต่ละส่วนของ โลกได้รับแสงอาทิตย์ในแต่ละวันไม่เท่ากัน ทำให้เมื่อช่วงของวันยาวขึ้นข้าวก็จะเจริญเติบโตทางลำต้น
ไม่ออกรวง หรือถ้าออกรวงได้ก็ไม่พร้อมกันในต้นเดียว บางรวงก็แก่โน้มลง บางรวงก็เพิ่งตั้งท้อง
7 ลิบแฮ่ 立 夏 อากาศจะอบอ้าวเพิ่มขึ้นตามลำดับ
8 เสียวมั๊ว 小 满
พืชพันธ์เจริญเติบโต
9 มั่งเจ๋ง 芒 种 พืชพันธ์เหมาะกับการเก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง
หรือพืชผลทางการเกษตรเพราะหลังจากนี้อากาศจะอบอ้าวมากขึ้นมีฝนตกบ่อยขึ้น *ข้าวนาปรังคือข้าวนอกฤดูการทำนาของไทยเป็นข้าวที่ไม่ไวต่อแสง
สามารถปลูกเมื่อไหร่ก็ได้*
10 เฮ่จี่夏 至 ศรีษมายัน
กลางวันจะยาวนานที่สุด
11 เสี่ยวซู๊小 暑 อากาศอบอ้าวมากขึ้น
12 ไต้ซู๊大 暑 อากาศอบอ้าวมากที่สุดมาก
13 ลิบชิว立 秋 ฝนกำลังจะมา
14 ซู๊ซู๊处 暑 อากาศอบอ้าวลดลง
15 แป๊ะโล่ว白 露 เริ่มปรากฏน้ำค้างและความชื้นในอากาศสูงขึ้น
16 ซิวฮุน秋 分วันนี้กลางวันและกลางคืนจะยาวนานเท่ากัน
หลังจากนี้กลางคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน
เมื่อวันเริ่มสั้นลง คนที่ทำข้าวนาปี เช่น ปักดำในเดือนตุลาคม ต้นข้าวจะเตี้ย แตกกอน้อย รวงเล็ก เพราะยังไม่ทันเจริญทางลำต้นก็ต้องมาเจริญทางพันธุ์ นั่นคือ วันสั้นยาวมีผลต่อการออกรวงของข้าว
เมื่อวันเริ่มสั้นลง คนที่ทำข้าวนาปี เช่น ปักดำในเดือนตุลาคม ต้นข้าวจะเตี้ย แตกกอน้อย รวงเล็ก เพราะยังไม่ทันเจริญทางลำต้นก็ต้องมาเจริญทางพันธุ์ นั่นคือ วันสั้นยาวมีผลต่อการออกรวงของข้าว
17 ฮั่งโล่ว寒 露อุณหภูมิของน้ำค้างและความชื้นในอากาศลดต่ำลงเกิดฝนตกชุกไปทั่ว
18 ซึงกั่ง霜 降 อากาศเย็นเริ่มปรากฏล่องรอยให้สามารถสัมผัสได้
19 ลิบตัง立 冬 เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
20 เสียวเซาะ小 雪 ลมเย็นเพิ่มมากขึ้น
21 ไต้เซาะ大 雪 ลมเย็นปรากฏมากที่สุด
22 ตังจี่冬 至เหมายัน
กลางคืนจะยาวนานที่สุด
23 เสียวฮั๊ง小 寒 อากาศหนาวเข้าครอบคลุม
24 ไต้ฮั๊ง大 寒อากาศหนาวมากที่สุด
เมื่อคุณผู้อ่านลองอ่านดูแล้วคงรู้สึกว่าเหมาะว่าเหมาะกับชีวิตเกษตรกรมากกว่าใช่หรือไม่ครับ
แต่ความจริงแล้วถ้าคุณปรับใช้ให้ดีจะทำให้คุณได้เปรียบในการดำเนินชีวิตอยู่มากยกตัวอย่าง
เช่น คุณทราบแล้วว่าฝนจะตกช่วงนี้คุณก็ควรพกร่มหรือเสื้อกันฝนติดตัววางแผนไปพบลูกค้าก็อย่าให้ไกลเกินไปเพราะการจราจรอาจมีปัญหาเมื่อฝนตกลงมาจริงๆ ส่วนเมื่อเข้าสู่ช่วงอากาศเย็นการเตรียมสุขภาพให้ดีย่อมป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้
จริงอยู่ที่ประเทศไทยหน้าหนาวแทบจะไม่รู้สึก
แต่อวัยวะภายในของคุณนั้นยังทำหน้าที่ของเขาอย่างอัตโนมัติ เพราะ DNA ของบรรพบุรุษยังวนเวียนอยู่ในร่างกายของคนเราทุกคน หากคุณผู้อ่านคุณมีข้อสงสัยอยากสอบถามเกี่ยวกับบทความศาสตร์จีนที่ผ่านมา
สามารถฝากคำถามได้ที่ www.facebook/heavensign นะครับ
ขณะนี้ผมได้เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับ "ทิศทางที่ปรากฏปราณขโมยลาภ" โดยพิจารณาจากราศีล่างหรือที่เรารู้จักกันในนาม 12 นักษัตรครับสามารถติตามได้จาก หัวข้อ ระวังปราณขโมยลาภ ได้เลยนะครับ
**สงวนลิขสิทธิ์**
ขณะนี้ผมได้เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับ "ทิศทางที่ปรากฏปราณขโมยลาภ" โดยพิจารณาจากราศีล่างหรือที่เรารู้จักกันในนาม 12 นักษัตรครับสามารถติตามได้จาก หัวข้อ ระวังปราณขโมยลาภ ได้เลยนะครับ
**สงวนลิขสิทธิ์**
No comments:
New comments are not allowed.