Wednesday, 15 January 2014

ระวังปราณขโมยลาภ



ระวังปราณขโมยลาภ !!!

ปราณขโมยลาภ คือ พลังงานที่ไม่สอดคล้องกับทิศทางในแต่ละวัน ทำให้เกิดภาวะไม่ดี หรือเรื่องราวร้ายๆต่างตามที่โบราณได้บันทึกไว้โดยมีเนื้อหา

ดังเช่น

1 มีขโมยบุกเข้าอาคารสถานที่
2 เจ้าของบ้านหรือบุคคลใกล้ชิดที่อาศัยอยู่ในบ้านถูกฉกชิงวิ่งราว
3 ถูกขโมยเงินแบบตอดเล็กตอดน้อยให้ต้องเสียทรัพย์สิน
4 มักก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บถึงขั้นผ่าตัด
5 มักทำให้แท้งบุตรในหญิงตั้งครรภ์
6 มักต้องพบกับคนอันธพาลนิสัยไม่ดีหยาบช้าก่อความเดือดร้อนให้เจ้าของบ้าน หรือผู้ที่อาศัยภายในบ้าน

เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นปราณขโมยลาภภายในบ้าน
โบราณจึงกำหนดวันห้ามกระทบทิศทางดังต่อไปนี้

วันหนู ห้ามกระทบ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
วันวัว ห้ามกระทบ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
วันเสือ ห้ามกระทบ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
วันกระต่าย ห้ามกระทบ ทิศตะวันตกเฉียงใต้
วันมังกร ห้ามกระทบ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
วันงูเล็ก ห้ามกระทบ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
วันม้า ห้ามกระทบ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
วันแพะ ห้ามกระทบ ทิศตะวันตกเฉียงใต้
วันลิง ห้ามกระทบ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
วันไก่ ห้ามกระทบ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
วันหมา ห้ามกระทบ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
วันหมู ห้ามกระทบ ทิศตะวันตกเฉียงใต้

ท่านผู้อ่านสามารถดูว่าวันนี้ตรงกับสิบสองนักษัตรใด ได้ตามปฏิทินจีนที่มีจำหน่ายทั่วไป ซึ่งคุณผู้อ่านมักจะเห็น

ปฏิทินระบุว่า วันนี้วันมะโรง วันนี้ชวด เป็นต้น

พอเราทราบแล้วว่าวันนี้ตรงกับนักษัตรชนิดไหน เราก็หลีกเลี่ยง การขุดเจาะ เคลื่อนย้าย กระทบกระทั่ง กระแทกกระทั้น แม้กระทั่งหยุดความคิดที่จะเปิดหน้าต่าง หรือประตูตรงตำแหน่งที่มีปราณขโมยลาภปรากฏ
ทั้งๆที่คุณไม่ค่อยได้ใช่งานมาก่อน (ออกแนวเป็นคนโชคร้ายนะครับ แต่พอได้อ่านบทความนี้แสดงว่าเริ่มโชคดีแล้ว 555)

ทุกอย่างไม่มีคำว่าบังเอิญ คนเราล้วนมีกรรมหรือการกระทำเป็นตัวกำหนดด้วยกันทั้งสิ้น

ความไม่รู้หรืออวิชาเป็นปัญหาใหญ่ ที่เราสามารถแก้ไขได้ด้วยวิชานั่นคือการศึกษาเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่การคงอยู่ของเราๆด้วยความไม่รู้ สิ่งถูก สิ่งผิดในการใช้ชีวิต มักจะทำให้เราจมอยู่ในความทุกข์เราจึงเรียกว่า ชีวิตของเราทั้งหลายจมอยู่กับ อวิชชา เมื่อเราได้แก้ไขให้ชีวิตสามารถเป็นไปในทางที่ชอบที่ควรแล้วนั่นเท่ากับว่า วิชชา ได้เกิดขึ้นกับเราแล้ว ดังนั้น

**เราจึงควรดำรงตนให้อยู่ในความไม่ประมาทดีที่สุดแล้วล่ะครับ**

บทความโดย พรรษ อรุณเลิศ
ภาพ สัญลักษณ์ระวังวิ่งราวที่มาเลเซีย โดย michaelwtravels
........................................
กด Like ศาสตร์จีน หากคุณชอบความรู้ที่หลากหลายกด Share เพื่อบอกต่อสิ่งดีๆให้กับเพื่อนๆของคุณร่วมกันมอบสิ่งดีๆ ข้อมูลดีๆ และสุขภาพที่ดีให้แก่กันฝากกด Like และ กด Share ด้วยนะครับ !!!

Monday, 6 January 2014

ที่มาของราศีบนทั้งสิบ

ที่มาของราศีบนทั้งสิบ

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ผมมีความเชื่อว่าทุกอย่างๆในโลกไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญการที่คุณผู้อ่านที่รักได้มาอ่านบทความของผมในคอลัมน์ศาสตร์จีนก็คงเป็นเพราะเราเคยอุปถัมภ์กันมา คุณคงเคยมอบความรู้ให้ผม ในวันนี้ผมขอมอบแด่คุณต้องขอบคุณทุกๆท่านที่ทำให้ผมได้มีโอกาสค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง ในโหราศาสตร์โดยเฉพาะในเมืองไทยเวลาทำนายมักจะมีการกล่าวอ้างถึงว่าคุณเป็นธาตุนั้น เธอเป็นธาตุนี้ ธาตุนั้นสัมพันธ์กันแบบนั้นแบบนี้ แล้วความรู้นี้เริ่มต้นมาได้อย่างไร

ในสมัยโบราณประมาณ 4000 ปีมาแล้วในประเทศจีนขณะนั้นเป็นการปกครองของราชวงศ์ซาง (商朝) ได้กำหนดให้ในหนึ่งสัปดาห์มีทั้งสิ้น 10 วันมีอักษรจีน 10 ตัวเป็นตัวแทนเราเรียกอักษรจีนทั้งสิบตัวนี้ว่า ราศีบนหรือเทียงกัง天干 ซึ่งราศีบนทั้งสิบนี้ยังใช้เป็นชื่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ทำให้เราสามารถทราบได้ว่าในหนึ่งสัปดาห์มีวันใดตรงกับอักษรใดเราก็ทำพิธีคาราวะบรรพบุรุษที่มีชื่อเดียวกันนั้น

วันทั้งสิบในสมัยซางนั้นเกิดจากความเชื่อที่ว่าพระอาทิตย์มีทั้งสิ้นสิบดวง ตำนานพระอาทิตย์สิบดวงผมได้เขียนไว้ในเฟสบุกซ์เรื่องนิทานก่อนนอนตอนซักวันหนึ่ง เทพธิดาพระจันทร์และกระต่ายหยก เรื่องนี้เล่าถึงว่าในยุคบรรพการมีนักรบที่เก่งกล้ามีความแม่นยำดั่งจับวางในการยิงธนู เขาสามารถยิงทุกสิ่งได้ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม พระอาทิตย์ทั้งสิบเป็นลูกของเง็กเซียนฮ่องเต้แปลงกายมา มีอยู่วันหนึ่งพระอาทิตย์จะขึ้นพร้อมกันทั้งสิบดวงทำให้นักรบผู้นี้ต้องยิงพระอาทิตย์ดับไปถึงเก้าดวง เนื้อหาเป็นอย่างไรสามารถหาอ่านได้นะครับ ตอนนี้เรากลับมาพูดถึงเรื่องพระอาทิตย์สิบดวงกันต่อ เมื่อพระอาทิตย์หมุนเวียนเปลี่ยนกันขึ้นไปมาครบสิบดวงเท่ากับเวลาหนึ่งสัปดาห์สมัยซางเราเรียกว่า ซุ้ง ()
ในวิหารบรรพชนของสมัยซางพบว่าบุรพกษัตริย์ของราชวงศ์ซางล้วนมีชื่อตามราศีบนทั้งสิบทุกๆพระองค์ ดังตัวอย่างต่อรายพระนามดังต่อไปนี้


จักรพรรดิไต่อิก





พระองค์แรก ไต่อิก大乙 เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซาง มีคุณูปการในการโค่นล้มจักรพรรดิผู้ชั่วร้ายแห่งราชวงศ์แห่ (夏朝) และสถาปณาราชวงศ์ขึ้นที่เมืองอังเอี๊ยง พระราชอำนาจแผ่กระจายไปจนถึงแม่น้ำฮวงเหอชนเผ่าต่างๆขึ้นตรงด้วยเป็นจำนวนมาก ตัวอักษร จึงมักได้รับการผูกพันอยู่กับดาวมงคลประเภทต่างๆเช่น ดาวอุปถัมภ์ หรือวิชาทำนายที่ขึ้นชื่อว่าบังทองและขงเบ้งชำนาญมากอย่างวิชา ไท้อิก ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ซางเป็นต้น













พระองค์ที่สอง ไต่เตง大丁  


พระองค์ที่สาม ไต่กะ大甲 เรื่องราวของพระองค์ที่บันทึกในมหาประวัติศาสตร์โดยซือหม่าเซียนระบุว่า พระองค์ครองราชย์เป็นลำดับที่สี่ โดยก่อนหน้านั้นมีปิตุลาของพระองค์พระนามว่ากัวเปี้ย外丙 และต๋งยิ้ม仲壬เป็นผู้สำเร็จราชการแทน เมื่อพระองค์เจริญวัยจึงได้ขึ้นครองราชย์และในรัชสมัยของพระองค์ พระองค์มีที่ปรึกษาระดับตำนานอย่าง อี่เอง (伊尹) ผู้รจนาบทอี่หุง (伊訓) ซึ่งเป็นหลักปกครองโดยธรรม ปัจจุบันนี้บันทึกดังกล่าวได้ถูกรวบรวมเข้าไว้เป็นบทๆหนึ่งในคัมภีร์แจเกง (書經) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าคัมภีร์สำคัญของขงจื๊อ คุณูปการ อี่เอง ดำรงตำแหน่งเป็นอัครมหาเสนาบดีของซาง ตัวอักษร นี้จึงมักจะผูกพันกับเรื่องใหญ่ๆรวมถึงวิชาทำนายอย่างแปดประตูพิสดารที่มีชื่อว่า ขี่มึ๊งตุ่งกะเป็นต้น (奇门遁甲) 



พระองค์ที่สี่ ไต่แก大庚 พระองค์ปกครองประเทศอยู่ 25 ปีด้วยความผาสุข 

พระองค์ที่ห้า ไต่โบ่ว  大戊ในยุคของพระองค์เกิดปรากฎการณ์ประหลาดนั่นคือในพระราชวังปรากฏต้นหม่อนและต้นข้าวฟ่างโตขึ้นมาด้วยกัน พระองค์ปกครองประเทศด้วยความร่มเย็นเป็นสุขถึง 75 ปี ในระหว่างนั้นชนเผ่าทั้งทางด้านตะวันตกและตะวันออกล้วนส่งบรรณาการมาแสดงความคาราวะ ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์มากนับได้ว่าเป็นยุคทองของราชวงศ์ซางเลยก็ว่าได้
เมื่อเห็นรัชสมัยของจักรพรรดิทั้งสามพระองค์ทำให้นึกถึงการปรากฏของอักษร  甲庚戊 ในดวงจีนสายโป๊ยหยี่สี่เถียวเราเรียกว่าการปรากฏนี้ว่า ซำคี้ หมายถึงประสบความสำเร็จสามารถคำชูวงศ์ตระกูล แม้ตกอับก็จะมีผู้ช่วยเหลือเหมือนดั่งยุคสมัยของจักรพรรดิทั้งสามพระองค์ที่ผ่านมา

ชนเผ่าลำอี้
พระองค์ที่หก ตงเตง  中丁ในการปกครองของพระองค์ ได้มีชนเผ่าคนเถื่อนนามว่า ลำอี้ (蓝夷)เข้าโจมตีอาณาจักรโดยชนเผ่านี้จะสวมใส่ชุดเกราะสีฟ้าทำให้มีอีกชื่อว่า คนเถื่อนสีฟ้านับเป็นรอยต่อที่ได้รับความท้าทายเป็นอย่างมากเพราะต้องถูกเปรียบเทียบกับจักรพรรดิพระองค์ก่อน
พระองค์ที่เจ็ด โจ้วอิก  祖乙 ในยนุคสมัยของพระองค์ได้ปรากฏบุคคลมีความสามารถนาม บู๊เฮียง (巫贤) มาดำรงตำแหน่งมหาเสนาบดีทำให้แว่นแคว้นมีความสงบสุขและเป็นปึกแผ่น พระองค์จึงไดครองราชย์บัลลังนานถึง 19 ปี เมื่อเทียบกับพระบิดาที่ได้ครองเพียงเก้าปีนับว่านานกว่ากันมาก

พระองค์ที่แปด โจ้วซิง  祖辛
พระองค์ที่เก้า โจ้วเตง  祖丁

พระองค์ที่สิบ เสี้ยวอิก小乙

พระองค์ที่สิบเอ็ด บู้เตง武丁 ในยุคนี้ราชวงศ์ซางได้พระจักรพรรดิที่ทรงปรีชาสามารถ เนื่องจากพระองค์ตอนเป็นองค์ชายได้รับการศึกษาที่เมืองห่างไกล ได้พบเห็นปัญหาของการชิงที่ดินทำกิน สัตว์เลี้ยง และผู้คนของชนเผ่ารอบๆข้างทำให้พระองค์หลังจากขึ้นครองราชย์ได้ เลือกพระชายาจากชนเผ่าต่างๆ เรื่องราวของพระองค์ทำให้นึกถึงคุณสมบัติของไฟเตงมีคำกลอนปรากฏอยู่ในหนังสือดวงจีนสายโป๊ยหยี่สี่เถียวชื่อ ติเทียงช่วย (滴天髓) กล่าวไว้ว่า

丁火柔中,内性昭融。抱乙而孝,合壬而忠。旺而不烈,衰而不穷,如有嫡母,可秋可冬
ไฟเตงเป็นธาตุที่อ่อนโยน นิสัยดีมีจิตเมตตา รักชอบไม้อิกเป็นที่ตั้ง ร่วมน้ำยิ้มมีคุณงามความดี แข็งแรงไม่เท่าไฟเปี้ย แม้อ่อนแอแต่ไม่อับจนเหมือนมีแม่อุ้มชูให้พลัง ย่อมผ่านพ้นวันชิวและตัง จากมหาตำนานอ่านดวง ฉบับภาษาไทย เรียบเรียงโดย อาจารย์ ชัยเมษฐ์ เชี่ยวเวช

ซึ่งองค์จักรพรรดิบู้เตงก็ใช้การประสานหรือฮะตนเองเข้ากับชนเผ่าต่างๆได้อย่างกลมกลืน และมีกุศโลบายในการปกครองโดยการยกย่องบูรพกษัตริย์เป็นสำคัญนับได้ว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของอาณาจักรซางก็ว่าได้
พระองค์ที่สิบสอง โจ้วกะ祖甲 มีพระอนุชาพระนามว่า บอกยิ้ม 卜壬 แม้ว่าพระองค์จะปกครองอาณาจักรได้หลายปีแต่ความสงบสุขเรียกได้ว่ามีน้อยมากเพราะนับจากปฐมกษัตริย์เป็นต้นมายุคของพระองค์พบศึกสงครามบ่อย และยังมีกบฏเกิดขึ้น

พระองค์ที่สิบสาม คังเตง康丁มีพระอนุชาพระนามว่า เล่อกี้呂己

พระองค์ที่สิบสี่ บู้อิก武乙 ในช่วงหลังๆของราชวงศ์ซางได้พบกับความท้าทายด้านการทหารหลายต่อหลายครั้ง ในยุคนี้เกิดสงครามขึ้นหลายครั้ง และเริ่มมีอาณาจักรที่โดดเด่นขึ้นนั่นคืออาณาจักรจิวนั่นเอง พระองค์สวรรคตเพราะถูกฟ้าผ่าในระหว่างที่ออกป่าล่าสัตว์

พระองค์ที่สิบห้า บุ๊งบู้เตง文武丁มีพระอนุชาพระนามว่า บอกเปี้ย卜丙 ในช่วงเวลาของพระองค์ได้ก่อสงครามไปทั่วและได้มีขุนศึกคู่พระทัยซึ่งเป็นเจ้าเมืองของแคว้นจิวนามอ๋องกุ้ย (王季) ทำให้พระองค์สามารถเอาชนะชนเผ่าต่างๆได้ทั่วทุกทิศ พระองค์เกรงกลัวว่าต่อขุนศึกคู่พระทัยท่านนี้จะแปรพักตร์ หลังจากชนะสงครามสุดท้าย พระองค์ทรงโปรดปูนบำเหน็จแก่อ๋องกุ้ยเป็นจำนวนมากหลังจากนั้นส่งมือสังหารลอบฆ่าทิ้งในเวลาต่อมา นับได้ว่าการปกครองแผ่นดินโดยธรรมของไท้อิกปฐมกษัตริย์ได้เริ่มสั่นคลอนถึงขีดสุดแล้วหลังจากนี้ก็เข้าสู่ภาวะล่วงโรย

พระองค์ที่สิบหก ตี่อิก
帝乙

พระองค์ที่สิบเจ็ด ตี่ซิง帝辛พระองค์สุดท้ายเป็นจักรพรรดิที่มีชื่อเสียงในด้านร้ายที่โด่งดังมากหลังจากพระองค์ขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ทรงพระสมญานามว่า พระเจ้าติ้วอ๋อง紂王จักรพรรดิองค์นี้เป็นองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซางพระองค์เป็นคนโหดเหี้ยมอำหิตสั่งประหารชีวิตคนด้วยวิธีพิสดารเกินกว่าที่เราๆจะเข้าใจได้ พระองค์เป็นผู้ก่อให้เกิดสงครามรบกับราชวงศ์จิวและพ่ายแพ้ให้กับจิวบู้อ๋องในที่สุด (周武王) จนนักปราชญ์ราชวงศ์เหม็งนำไปเขียนเป็นนิยามปกรณัมเรื่อง ห้องสิน ที่โด่งดังมาจนถึงปัจจุบัน นักโบราณคดีมีความเชื่อว่าพระนามของจักรพรรดิทุกๆพระองค์ในสมัยซางถูกคัดเลือกโดยวิธีการเสี่ยงทาย
ตอนนี้เรามาดูรากศัพท์ของราศีบนทั้งสิบกันนะครับว่ามีความหมายว่าอะไรบ้าง
สัญลักษณ์ราศีบน
ความหมายในสมัยโบราณ
ความหมายทางโหราศาสตร์
เปลือกหอย
ธาตุไม้เอี๊ยง สูงศักดิ์ มีค่าควรเมือง อันดับแรก หัวหน้า ผู้นำ นายกรัฐมนตรี
ก้างปลา
ธาตุไม้อิม อ่อนโยน ศิลป์ วัฒนธรรม โอนอ่อน แปรตามกระแส
หางปลา
ธาตุไฟเอี๊ยง ความหวัง ความวุ่นวาย อดทน อบอุ่น  แหลมคม มีอำนาจ
เล็บ
ธาตุไฟอิม ความหวัง ความเสียสละ การพัฒนา การลอบสังหาร
หอก
ธาตุดินเอี๊ยง สถานทางสังคม ข้อตกลง เมืองหลวง เงินทอง การเงินการธนาคาร ซื่อสัตย์
อุปกรณ์ที่ใช้ทอผ้า
ธาตุดินอิม การวางแผน ความปรารถนา แผนการ ความคิดสร้างสรรค์ รอบคอบ
ดาวศุกร์
ธาตุทองเอี๊ยง อุปสรรค เกราะคุ้มกัน การต่อสู้ ความกล้าหาญ พลังในการขับเคลื่อน ป่าเถื่อน
ผู้บังคับบัญชา
ธาตุทองอิม ความผิดพลาด ปัญหาการประท้วง การปลดแอก การเกิดขึ้นของนวัตกรรม
ภาระหน้าที่
ธาตุน้ำเอี๊ยง การเพาะพันธุ์ ก๊าซธรรมชาติ การไหล ความสับสน การเคลื่อนที่ ปัญญา
กำจัดวัชพืช
ธาตุน้ำอิม การควบคุม ความลำบาก การเคลื่อนที่แบบเป็นพลวัต เกี่ยวกับเพศและประเวณี

ในปัจจุบันนี้อักษรทั้งสิบตัวได้เป็นตัวแทนของธาตุทั้งห้า ไฟ ดิน ทอง น้ำ ไม้ แบ่งออกเป็นอิมและเอี๊ยงโดยกำหนดให้

甲丙戊庚壬 เป็นตัวแทนของฝ่ายเอี๊ยง 乙丁己辛癸 เป็นตัวแทนของฝ่ายอิม และใช้ในการทำนายทุกประเภทของจีน เราสามารถมองดูยุคสมัยของซางด้วยกฎของไตรลักษณ์อย่างการเกิดขึ้น การตั้งอยู่ และการเสื่อมสลายเป็นวงโคจรที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงและคงเป็นนี้ชั่วนิรันดร

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เราจะรับมือต่อการดับสูญได้อย่างไร ปัญหานั้นอยู่ที่คุณจะสามารถใช้ช่วงเวลาที่ดีที่มีอยู่จำกัดให้ประโยชน์สูงสุดได้อย่างไรต่างหาก ประเทศจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กะ อิก เปี้ย เตง โบ่ว กี้ แก ซิง ยิ้ม กุ่ย ได้ข้ามกาลเวลามาให้คุณได้ใช้งานโปรดอย่าลืมคุณค่าของอดีต 


***สงวนลิขสิทธิ์***